ยุคปัจจุบัน ประกันชีวิตยังจำเป็นอยู่ไหม

ยุคปัจจุบัน ประกันชีวิตยังจำเป็นอยู่ไหม

ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนๆ การวางแผนชีวิตทั้งในเรื่องของความก้าวหน้าทางหน้าที่ การเงินและครอบครัวนั้นเป็นอะไรที่เราจะต้องเอาใจใส่ดูแลกันด้วยตนเองเป็นหลักเสมอๆ การมีแผนรับมือที่ดีจึงเป็นอะไรที่เหมาะสมกับชีวิตของทุกๆ คนมากที่สุด เช่นเดียวกันกับการทำ “ประกันชีวิต” ซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยเหลือและการันตีความคุ้มครองให้กับคนรอบข้างได้อีกด้วยครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปค้นหาคำตอบกันว่า “ยุคปัจจุบัน ประกันชีวิตยังจำเป็นอยู่ไหม?” กันสักหน่อยครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราไปชมกันดีกว่า…

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ประกันชีวิต

การประกันชีวิต (Life Insurance) หมายถึง การที่บุคคลผู้หนึ่งเรียกว่า “ผู้เอาประกันภัย” ได้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งเรียกว่า “เบี้ยประกันภัย” ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ให้กับบริษัทประกันชีวิต เพื่อซื้อความคุ้มครองการเสียชีวิต ครอบคลุมไปถึงการสูญเสียอวัยวะ การทุพพลภาพ การบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย ภายในเวลาที่กำหนด หรือมีอายุยืนยาวจนครบกำหนดตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ บริษัทประกันจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเรียกว่า “จำนวนเงินเอาประกันภัย” ให้แก่ “ผู้รับผลประโยชน์” หรือผู้เอาประกันภัยแล้วแต่กรณี ทั้งนี้เงื่อนไขความคุ้มครองจะมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการเลือกซื้อตามความเหมาะสมของผู้เอาประกันภัยเป็นหลัก ซึ่งผู้เอาประกันภัย คือ บุคคลที่ตกลงทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิต โดยอาศัยสาเหตุของการมีชีวิตหรือการตายเป็นเงื่อนไขในการจ่ายเงินประกันชีวิต ส่วนผู้รับผลประโยชน์ คือ บุคคลที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต ว่าจะเป็นผู้ได้รับเงินประกันชีวิตตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ผู้รับผลประโยชน์อาจเป็นบุคคลเดียวกับผู้เอาประกันภัยก็ได้

เหตุผลที่บ่งบอกว่าประกันชีวิตยังจำเป็นอยู่

●ประกันคุ้มครองความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เวลาเจ็บ ป่วย รวมถึงอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ค่ารักษาพยาบาลบางทีมิได้น้อยๆ ถ้าไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ก่อน อาจถึงกับหมดตัวแถมอาจทำให้ครอบครัวลำบากอีกด้วย

●ประกันช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับครอบครัว หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันต้องเสียเสาหลักของครอบครัวไป การทำประกันชีวิตเอาไว้จะทำให้ครอบครัวมีหลักประกันที่มั่งคง เพราะเงินที่ได้จากการทำประกันชีวิตจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินของครอบครัว นอกจากนี้ยังไม่ต้องกังวลเรื่องรายได้ เมื่อต้องนอนโรงพยาบาลรักษาตัว นอกจากไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาแล้ว แผนประกันบางประเภทยังชดเชยรายได้ให้ด้วย

●สามารถนำประกันใช้ในการลดหย่อยภาษี ทำงานทั้งปี หักภาษีแทบไม่เหลือ แต่ถ้าทำประกันชีวิตสามารถใช้ลดหย่อนภาษีช่วยให้มีเงินเหลือเก็บได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับครอบครัว หากหมุนเงินไม่ทัน ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอมลูก ค่าเรียนพิเศษ จิปาถะ สามารถใช้สิทธิการกู้กรมธรรม์โดยนำมูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ประกันชีวิตออกมาใช้ก่อนเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยในภายหลัง

2 ประเภทประกันชีวิตจัดสรรให้เหมาะกับเรา

1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) จะให้ความคุ้มครองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อาจเริ่มอย่างน้อยตั้งแต่ 1 ปี 5 ปี 10 ปี 12 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี ซึ่งมุ่งเน้นให้ความคุ้มครองภัยในเรื่องของการเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว หากครบกำหนดสัญญา หรือพ้นระยะความคุ้มครองแล้วผู้เอาประกันภัยยังคงมีชีวิตอยู่ กรมธรรม์สัญญาที่ได้ทำเอาไว้กับบริษัทประกันชีวิตก็จะถือเป็นอันสิ้นสุด และผู้เอาประกันภัยจะไม่ได้รับเงินชดเชย ข้อดี คือการชำระเบี้ยประกันถูกมาก และให้ความคุ้มครองชีวิตสูง มักจะทำประกันไว้ให้กับหัวหน้าครอบครัว ดังนั้นภาพรวมจึงเหมาะสำหรับ…

– ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตในระยะสั้น หรือช่วงระยะเวลาหนึ่ง
– ผู้ที่มีกำลัง หรือความสามารถในการชำระเบี้ยต่ำ แต่ต้องการความคุ้มครองชีวิตสูง

2. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance) จะให้ความคุ้มครองเป็นระยะเวลายาวนาน หากเสียชีวิตในระหว่างสัญญาบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ แต่ถ้าหากผู้เอาประกันภัยยังคงมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา 85 ปี 89 ปี 90 ปี 95 ปี หรือ 99 ปี ขึ้นอยู่กับแบบประกัน บริษัทจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยข้อดีโดยจะเหมาะสำหรับ…

– ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว หรือเป็นเสาหลักของบ้าน เพื่อเป็นหลักประกันให้คนข้างหลัง
– ผู้ที่ต้องการมีมรดกให้กับลูกหลาน

และนี้ก็คือเหตุผลที่จะตอบคำถามทุกๆ ท่านว่า “ประกันชีวิตยังจำเป็นอยู่ไหม?” นั้นเองครับ เพื่อขจัดความเสี่ยงในด้านต่างๆ เราก็ควรที่จะมีประกันชีวิตรองรับเอาไว้สักหน่อยกันนะครับ