เราจะเลือกประกันชีวิตอย่างไรให้ครอบคลุมที่สุด

เราจะเลือกประกันชีวิตอย่างไรให้ครอบคลุมที่สุด

ใครๆ ต่างก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของตนเองและคนที่เรารักกันใช่มั้ยหล่ะครับ เช่นเดียวกับ “ประกันชีวิต” เราก็ต้องมีความเข้าใจและมีความรู้จึงจะเหมาะสมที่จะซื้อประกันที่ครอบคุลม วันนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปบพบกับ “วิธีเลือกประกันชีวิตอย่างไรให้ครอบคลุมที่สุด” พร้อมๆ กับทำความเข้าใจถึงเหตุผลที่เราต้องทำประกันชีวิตกันเอาไว้ด้วยครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการทำประกันชีวิต

 “การประกันชีวิต (Life Insurance)” หมายถึง การที่บุคคลผู้หนึ่งเรียกว่า “ผู้เอาประกันภัย” ได้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งเรียกว่า “เบี้ยประกันภัย” ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ให้กับบริษัทประกันชีวิต เพื่อซื้อความคุ้มครองการเสียชีวิต ครอบคลุมไปถึงการสูญเสียอวัยวะ การทุพพลภาพ การบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย ภายในเวลาที่กำหนด หรือมีอายุยืนยาวจนครบกำหนดตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยสามารถแบ่งออกเป็นข้อๆ สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องอันได้แก่…

1.  ผู้รับประกันภัย คือบริษัทประกันชีวิต ซึ่งหมายถึงบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิต เพื่อรับประกันต่อความสูญเสียหรือความเสียหายต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคล โดยสัญญาว่าจะจ่ายชดเชยให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับผลประโยชน์เมื่อมีการเสียชีวิต และอาจมีความคุ้มครองอื่น ๆ เช่น การประกันอุบัติเหตุและสูญเสียอวัยวะ การประกันกรณีทุพพลภาพ หรือการประกันสุขภาพ (ดูรายชื่อบริษัท)

2.  ผู้เอาประกันภัย คือบุคคลที่ตกลงทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทฯ โดยอาศัยสาเหตุของการมีชีวิตหรือการตายเป็นเงื่อนไขในการจ่ายเงินประกันชีวิต

3.  ผู้รับประโยชน์ คือบุคคลที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิตว่าจะเป็นผู้รับเงินประกันชีวิตตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต

การเลือกประกันชีวิตให้เหมาะและครอบคลุมมากที่สุดต้องพิจารณาอะไรบ้าง?

●พิจารณารายได้ การทำประกันนั้นอาจถือเป็นหนึ่งในการออมทางเลือกที่หลายคนให้ความไว้วางใจ ที่นอกจากจะเป็นการเก็บเงินก้อนแล้ว ยังเป็นการรองรับความเสี่ยงที่ดีอีกด้วย แต่ทว่าหลายคนก็เลือกจะทำประกันที่มีวงเงินสูง ทำให้ต้องจ่ายเบื้ยประกันสูงตาม เราอาจมั่นใจกับการประกันภัยดังกล่าวในระยะสั้น ทว่าระยะยาวนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหาทางการเงินได้ ประกันชีวิตที่เหมาะสมคือ 10-20% ของรายได้

●พิจารณาความเสี่ยงด้านสุขภาพ ซึ่งแม้ว่าจะดูแลสุขภาพดีแค่ไหนแต่ความเสี่ยงในโรคภัยก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การทำประกันสุขภาพไว้ล่วงหน้าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการแบ่งเบาความเสี่ยงที่อาจเกิดในอนาคต

●พิจารณาความเสี่ยงในการทำงาน รวมไปถึงการเดินทางก็นับเป็นความเสี่ยงประการหนึ่ง หากทำงานใกล้บ้าน งานออฟฟิศ อาจใช้เป็นการทำประกันสุขภาพ ที่มีความเกี่ยวข้องกับออฟฟิศซินโดรม แต่ถ้าออกต่างจังหวัดบ่อย งานมีความเสี่ยงสูง ประกันอุบัติเหตุและประกันชีวิตอาจมีความสำคัญมากขึ้น

●พิจารณาจากการแผนประกันชีวิต ข้อสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดนี้จะทำให้คุณเปรียบเทียบแผนประกันชีวิตของบริษัทต่างๆ ด้วยค่าเบี้ยประกันภัยที่ไม่หนีกันมากนัก แต่คุ้มครองได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นควรเลือกประกันที่แผนยืดหยุ่นและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราให้มากที่สุดนั้นเองครับ

เราสามารถเบิกค่ารักษาจากประกันชีวิตได้หรือปล่าว?

ผู้เอาประกันภัยสามารถใช้สำเนาใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลนำไปเบิกค่าสินไหมทดแทน ค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกันชีวิตได้ ในกรณีที่นำใบเสร็จตัวจริงไปเบิกค่ารักษาพยาบาลจากสวัสดิการของสถานที่ทำงานของผู้เอาประกันภัย หรือไปเบิกจากบริษัทประกันภัยอื่น, สถานที่ทำงานและบริษัทประกันภัยนั้น จะสำเนาใบเสร็จและรับรองสำเนาว่าได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลไปแล้วเท่าใด ผู้เอาประกันภัยสามารถนำสำเนาดังกล่าวไปเบิกจากบริษัทประกันชีวิตต่อไปครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “แนวทางการเลือกประกันชีวิตที่เหมาะและครอบคลุม” เราได้รวบรวมมาฝากท่านผู้อ่านกันในวันนี้ หวังว่าเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกันนะครับ